ยโสธร เป็นจังหวัดที่มีประเพณีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวยโสธร ซึ่งมีความเชื่อว่าโลกนั้นประกอบด้วย โลกมนุษย์ โลกเทวดา และโลกบาดาล โดยโลกมนุษย์อยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกเทวดาซึ่งขาวอีสานเรียกเทวดาว่าพญาแถน ซึ่งพญาแถนมีอิทธิพลต่อ ฝน ฟ้า ลม หากมนุษย์ทำให้พญาแถนโปรดปรานหรือพอใจ ก็จะบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล จึงเกิดพิธีการบูชาพญาแถนโดยการใช้บั้งไฟ เพื่อแสดงการเคารพและเป็นการขอฝนจากพญาแถน อันเป็นที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธรอันโด่งดัง

จากตำนานเรื่องเล่าอันถือว่ามีความสำคัญต่อจังหวัดยโสธรดังกล่าวข้างต้น จังหวัดยโสธรจึงจัดสร้าง “วิมานพญาแถน” ขึ้นบริเวณลำทวนเพื่อใช้เป็นสถานที่ที่แสดงถึงวัฒนธรรมประเพณีของจังหวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งภายในวิมานพญาแถนนั้นประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนถึงตำนานบุญบั้งไฟของยโสธร คือ อาคารวิมานพญาแถน อาคารพญานาค อาคารพญาคันคาก และประติมากรรมขบวนแห่บั้งไฟ สำหรับอาคารพญาคันคากที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวนั้น สร้างขึ้นเป็นรูปร่างพญาคันคาก มีความสูง ๑๙ เมตร ภายในอาคารประกอบด้วยพื้นที่จัดนิทรรศการจำนวน ๔ ชั้น

"วิมานพญาแถน" อนุสรณ์สถานตำนานบุญบั้งไฟ(ที่กำลังก่อสร้างครับ)
หากพูดถึงจังหวัด "ยโสธร" สิ่งที่คนไทยทั่วไปนึกถึงเป็นอย่างแรกๆ นอกจากการเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดีแล้ว เชื่อว่า "ประเพณีบุญบั้งไฟ" ก็น่าจะจัดอยู่ในความประทับใจลำดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวด้วย
ที่มาของบุญบั้งไฟเกิดขึ้นเพราะความเชื่อของคนอีสานที่ว่า การทำบั้งไฟเป็นการทำบุญเพื่อบูชา "พญาแถน" ซึ่งเป็นเทวดาบนสวรรค์
การจุดบั้งไฟขึ้นเป็นการส่งสัญญาณถึงพญาแถนว่า ใกล้ถึงฤดูทำนาแล้ว และขอให้พญาแถนบันดาลให้ฝนตกลงมาด้วย
ส่วนตำนานที่นำมาสู่ความเชื่อเรื่องพญาแถนมาจากนิทานพื้นบ้านชื่อ "พญาแถนรบพญาคันคาก (คางคก)" โดยพญาคันคากเป็นบุตรของพระนางสีดา มเหสีของพญาเอกราชผู้ครองเมืองชมพู
เหตุที่ได้ชื่อว่า "คันคาก" เนื่องจากพระองค์มีผิวเหลืองอร่ามดั่งทองคำ แต่ขรุขระเป็นตุ่มตอเหมือนผิวคางคก และเมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม ท้าวคันคากจึงตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระอินทร์ขอให้รูปกายเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
ด้วยบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนของพญาคันคาก พระอินทร์จึงเนรมิตปราสาท พร้อมทั้งประทาน "นางอุดรกุรุทวีป" ให้เป็นชายา และประทานพรให้ท้าวคันคากสามารถ "ถอดรูปกาย" กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามได้
พญาเอกราชยินดีกับพระโอรส จึงสละราชบัลลังก์ให้ครองเมืองต่อ ทรงพระนามว่า "พญาคันคาก" ผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงมีเดชานุภาพเป็นที่เลื่องลือจนหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างมาสวามิภักดิ์
บารมีของพญาคันคากทำให้พญาแถนผู้อยู่บนฟ้าเดือดร้อน เพราะมนุษย์หันไปส่งส่วยให้พญาคันคากจนลืมบูชาพญาแถน จึงไม่สั่งพญานาคไปให้น้ำในช่วงฤดูทำนา ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงทุกหัวระแหง
หากพูดถึงจังหวัด "ยโสธร" สิ่งที่คนไทยทั่วไปนึกถึงเป็นอย่างแรกๆ นอกจากการเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดีแล้ว เชื่อว่า "ประเพณีบุญบั้งไฟ" ก็น่าจะจัดอยู่ในความประทับใจลำดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวด้วย
ที่มาของบุญบั้งไฟเกิดขึ้นเพราะความเชื่อของคนอีสานที่ว่า การทำบั้งไฟเป็นการทำบุญเพื่อบูชา "พญาแถน" ซึ่งเป็นเทวดาบนสวรรค์
การจุดบั้งไฟขึ้นเป็นการส่งสัญญาณถึงพญาแถนว่า ใกล้ถึงฤดูทำนาแล้ว และขอให้พญาแถนบันดาลให้ฝนตกลงมาด้วย
ส่วนตำนานที่นำมาสู่ความเชื่อเรื่องพญาแถนมาจากนิทานพื้นบ้านชื่อ "พญาแถนรบพญาคันคาก (คางคก)" โดยพญาคันคากเป็นบุตรของพระนางสีดา มเหสีของพญาเอกราชผู้ครองเมืองชมพู
เหตุที่ได้ชื่อว่า "คันคาก" เนื่องจากพระองค์มีผิวเหลืองอร่ามดั่งทองคำ แต่ขรุขระเป็นตุ่มตอเหมือนผิวคางคก และเมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม ท้าวคันคากจึงตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระอินทร์ขอให้รูปกายเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
ด้วยบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนของพญาคันคาก พระอินทร์จึงเนรมิตปราสาท พร้อมทั้งประทาน "นางอุดรกุรุทวีป" ให้เป็นชายา และประทานพรให้ท้าวคันคากสามารถ "ถอดรูปกาย" กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามได้
พญาเอกราชยินดีกับพระโอรส จึงสละราชบัลลังก์ให้ครองเมืองต่อ ทรงพระนามว่า "พญาคันคาก" ผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงมีเดชานุภาพเป็นที่เลื่องลือจนหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างมาสวามิภักดิ์
บารมีของพญาคันคากทำให้พญาแถนผู้อยู่บนฟ้าเดือดร้อน เพราะมนุษย์หันไปส่งส่วยให้พญาคันคากจนลืมบูชาพญาแถน จึงไม่สั่งพญานาคไปให้น้ำในช่วงฤดูทำนา ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงทุกหัวระแหง

ชาวเมืองจึงไปร้องขอให้พญาคันคากช่วย พญาคันคากจึงเกณฑ์ "กองทัพสัตว์มีพิษ" ยกไปสู้กับพญาแถนจนพญาแถนต้องยอมแพ้
พญาคันคากขอให้พญาแถนเมตตาชาวเมือง ประทานฝนตามฤดูกาลทุกปี ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ทุกเดือนหก ซึ่งเข้าสู่ฤดูทำนา ชาวอีสานจึงจุดบั้งไฟขึ้นฟ้าเพื่อบูชาพญาแถนให้ส่งฝนลงมาให้ชาวนาจนเกิดเป็นประเพณีบุญบั้งไฟขึ้นในที่สุด
ด้วยตำนานปรัมปราที่สามารถอธิบายที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟได้อย่างลึกซึ้ง จังหวัดยโสธร จึงมีแนวคิดต่อยอดงานบุญบั้งไฟให้ยิ่งใหญ่ยิ่ง ขึ้นด้วยการทำ “วิมานพญาแถนอนุสรณ์สถานตำนานบุญบั้งไฟ” ริมลำน้ำทวนฝั่งขวา หลังเรือนจำจังหวัดยโสธร
ด้วยตำนานปรัมปราที่สามารถอธิบายที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟได้อย่างลึกซึ้ง จังหวัดยโสธร จึงมีแนวคิดต่อยอดงานบุญบั้งไฟให้ยิ่งใหญ่ยิ่ง ขึ้นด้วยการทำ “วิมานพญาแถนอนุสรณ์สถานตำนานบุญบั้งไฟ” ริมลำน้ำทวนฝั่งขวา หลังเรือนจำจังหวัดยโสธร
วิมานพญาแถน ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวยโสธร และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ จากข้อมูลทุกปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่มาชมประเพณีบุญบั้งไฟเสร็จก็มักจะเดินทางกลับ ชาวยโสธรจึงคิดว่าจังหวัดควรจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับบุญบั้งไฟด้วย
So Good :)
ตอบลบสวยยยยย
ตอบลบหล่อจังเลยครับ อิอิ
ตอบลบพญาคันคาก
ตอบลบอยากไปจัง
ตอบลบตรวจแล้วค่ะ งานครบแล้วนะคะ
ตอบลบ